ลูกจ้างจะได้ชราภาพคืนเมื่อมีอายุครบ 55 ปีและความเป็นผู้ประกันตนก็จะสิ้นสุดลงแล้ว เมื่ออายุครบ 55 ปีแล้วไม่ใช่จะได้เงินในทันทีจะต้องลาออกจากที่ทำงานและออกจากประกันสังคมด้วย หากยังทำงานอยู่แล้วส่งเงินสมทบไม่ว่าจะมาตรา 33 หรือมาตรา 39 ถึงแม้อายุจะครบ 55 ปีแล้ว ก็ยังไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับเงินชราภาพ และผู้ที่ต้องการขอรับเงินคืนจะต้องทำเรื่องขอคืนเงินชราภาพประกันสังคม ภายในระยะเวลา 1 ปีนับจากที่ลาออกจากกองทุนประกันสังคมมิฉะนั้นจะถูกตัดสิทธิ์รับเงินบำนาญบำเหน็จทันที
เงินชราภาพบำเหน็จและบำนาญของประกันสังคมจะขอคืนได้เมื่อไหร่และใครมีสิทธิ์บ้าง
จะต้องทราบก่อนว่าเมื่อออกจากประกันสังคมเพื่อที่จะรับเงินชราภาพจะทำให้เสียสิทธิ์อื่น ๆ ของประกันสังคมตามไปด้วย โดยเฉพาะสิทธิ์รักษาพยาบาลที่จะต้องเปลี่ยนมาใช้บัตรทองแทน ถ้าหากไม่มีประกันสุขภาพหรือประกันอุบัติเหตุ ก็ต้องจ่ายเองเมื่อเข้าโรงพยาบาล
ขอคืนเงินชราภาพก่อนอายุ 55 ปีได้หรือไม่?
สมมุติว่านายเอส่งเงินครบ 15 ปี และลาออกจากงานพร้อมลาออกจากประกันสังคมเมื่ออายุ 40 ปีกรณีนี้นายเอ จะขอรับเงินชราภาพได้เลยหรือไม่ คำตอบคือไม่ได้ ถึงจะส่งเงินครบ 15 ปี หากอายุยังไม่ถึง 55 ปีก็ต้องรอจนกว่าอายุจะครบถึงจะได้เงินส่วนนี้ เพราะเงินชราภาพคือ ให้ทุกคนมีเงินบำนาญรายเดือนหลังเกษียณและไม่ต้องห่วงถ้าหากตัวเองอายุยืนแล้วจะมีเงินสมทบไม่พอใช้จ่าย มีข้อยกเว้น 2 ข้อที่สามารถรับเงินชราภาพคืนก่อนอายุ 55 ปี คือ
1. ผู้ประกันตนได้กลายเป็นผู้ทุพพลภาพก่อนอายุ 55 ปี จะได้คืนเป็นเงินบำเหน็จ
2. ผู้ประกันตนตายก่อนอายุ 55 ปี ทายาทจะได้รับเงินบำเหน็จเท่านั้นไม่มีสิทธิ์รับบำนาญถึงจะส่งครบ 15 ปีก็ตาม
ปัจจุบันนี้ ประกันสังคมได้มีแผนที่จะเตรียมขยายอายุผู้ที่รับผลประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ จากอายุ 55 ปีขยายเป็น 60 ปี เพื่อให้สอดคล้องเข้ากับโครงสร้างของประชากรที่กำลังจะเข้าสู่สังคมของผู้สูงอายุ ทางประกันสังคมได้ระบุว่าการขยายอายุเกษียณทำให้ได้เงินบำนาญระยะเวลานานขึ้น เช่น ส่งเงินสมทบตอนอายุ 30 ปีจนถึง 55 ปี ก็จะได้รับเงินบำนาญเดือนละ 5,250 บาท ถ้าขยายเวลาการทำงานจนถึงอายุ 60 ปี ก็จะได้รับบำนาญเพิ่ม 7.5% จะทำให้บำนาญเพิ่มอีก 42.5% คิดเป็นเดือนละ 6,375 บาท รับเงินเพิ่มขึ้นอีก 1,125 บาทไปตลอดชีวิต